ปีทองอสังหาฯ ภูเก็ต ASSETWISE รุกหนัก ผนึก TITLE ตั้ง 3 ปี กวาดกว่า 1 หมื่นล้านบาท

แอสเซทไวส์ เผยว่า ปีนี้จะเป็นปีทองของภูเก็ตอย่างแท้จริง หลังออกจากโควิดอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในนาม ASSETWISE ตั้งเป้าที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการของ TITLE ทั้งสามหาด ไม่ว่าจะเป็นหาดราไวย์ หาดบางเทา และหาดในยาง

 ASSET Wise หลังสถานการณ์ทั่วโลกคลี่คลายทั้งการแพร่ระบาดและสงคราม ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หนึ่งนั้นคือจังหวัด ‘ภูเก็ต’ เพชรเม็ดงามเมืองไทยที่ต่างชาติโปรดปราน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต ได้คาดการณ์ไว้ว่าภายในปี’ 66 จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน  นอกจากภาคการท่องเที่ยวที่คึกคักแล้ว ทางฟากฝั่งอสังหาฯ ก็เกิดความเคลื่อนไหวสำคัญ

         เมื่อบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW  เข้าซื้อหุ้นบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ในอัตราส่วน 67.61% นับเป็นก้าวเข้าสำคัญของ ASW สู่การขยายการลงทุนเพื่อขานรับตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตที่กำลังคึกคัก

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า หลังจากภาคการลงทุนอสังหาฯ ของไทยกำลังฟื้นขึ้นจากโควิด และแนวโน้มในครึ่งปีหลังจะกลับมาสู่ High Season ของการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

          “ภูเก็ตอาจจะดูเหมือนเป็นเพียงจังหวัดเล็กๆ แต่กลับเป็นเมืองพิเศษขึ้นชื่อระดับโลก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลในแต่ละปี ซึ่งเปรียบได้ดั่งบาหลี ฮาวาย หรือมัลดีฟส์ ที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาพักผ่อน อีกทั้งเป็นตลาดขนาดใหญ่เพราะเชื่อมต่อกับตลาดโลกที่มีประชากรกว่า 7 พันล้านคน ทำให้นอกจากกลุ่มนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่อยากมี Property ที่ภูเก็ตเช่นเดียวกัน ซึ่งมีการคาดการณ์ความต้องการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตว่ามีอยู่หลายหมื่นยูนิตต่อปี โดยทุกครั้งเมื่อเวียนมาถึงช่วง High Season ต่างชาติก็จะแห่กันมาซื้ออสังหาฯ กลายเป็นว่าตอนนี้สร้างไม่ทันขาย”

          ด้วยเหตุนี้ ASW ได้เล็งเห็นศักยภาพของอสังหาฯ ภูเก็ต จึงผนึกกำลังเข้าซื้อหุ้น TITLE นายกรมเชษฐ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า TITLE จุดแข็งในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ซึ่งถือครองที่ดินอันเป็นทรัพย์สินอันมีค่า ที่คัดสรรมาอย่างดีแล้วว่าเหมาะกับการอยู่อาศัย และเหมาะกับการที่จะนำมาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น หาดราไวย์ หาดบางเทา และหาดในยาง มีที่ดินอยู่ราว 80 ไร่ โดยสามารถนำมาพัฒนาโครงการมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท

          ประการต่อมาคือเรื่องความเข้าใจ Lifestyle ของกลุ่มลูกค้าต่างชาติอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพราะผู้พัฒนาต้องเข้าใจว่าชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดมีลักษณะการใช้ชีวิตแบบไหน มี Facility อะไรบ้างที่เขาต้องการ ระเบียงควรกว้างเท่าไหร่ สระว่ายน้ำควรเป็นแบบไหน รวมถึงการออกแบบภายในให้สอดคล้องตามความต้องการ ซึ่ง TITLE เองมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก

          “ในมุมของ ASSETWISE เรามีจุดเด่นเรื่อง Facility ที่อยู่ได้จริง คุ้มค่า มีความสะดวกสบาย ลูกบ้านใช้ Facility ได้ทั่วถึง ทางฝั่ง TITLE เองก็มีจุดแข็งในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่า TITLE จะมี Facility ที่เหมาะแก่การพักผ่อนโดยแท้จริง หากทั้งสองพัฒนาร่วมกันจะช่วยเสริมแกร่งเรื่อง Facility ที่ครบครันจนกลายเป็นจุดขายและแตกต่างจากคอนโดอื่นในภูเก็ตอย่างชัดเจน”

          ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ ยังกล่าวอีกว่า ASW จะช่วยให้ TITLE เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีศักยภาพ โดยปลายปีที่แล้ว TITLE เปิดโครงการทั้งหมด 1 โครงการชื่อ The Title Halo 1 ที่หาดในยาง มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท และในช่วง High Season นี้ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการที่หาดบางเทาและหาดในยาง มูลค่าโครงการรวมกันกว่า 5,000 ล้านบาท ที่จะเปิดขายในปลายปีนี้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีการพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 3 – 4 โครงการ เพื่อสร้างการเติบโตทั้งด้านยอดขาย และการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

          “ปีนี้จะเป็นปีทองของภูเก็ตอย่างแท้จริง หลังออกจากโควิดอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในนาม ASSETWISE ตั้งเป้าที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการของ TITLE ทั้งสามหาด ไม่ว่าจะเป็นหาดราไวย์ หาดบางเทา และหาดในยาง คาดการณ์ว่าปีหน้า จะมีการรับรู้รายได้ 3 พันล้านบาท ปีถัดไป 4 พันล้านบาท และก็ในปีถัดไปอีก 5 พันล้านบาท รวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปีนี้”

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *